เครื่องสำอางเป็นผลิตภัณฑ์สิ่งปรุงซึ่งนำมาใช้กับส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อความสะอาด สวยงาม หรือเพื่อส่งเสริมให้ เกิดความสวยงาม ทั้งนี้รวมทั้งเครื่องประทินผิวต่าง ๆ ทุกชนิดปัจจุบันผู้บริโภคนิยมใช้เครื่องสำอางกันมาก ทำให้มีการผลิตเครื่องสำอางออกจำหน่ายแข่งขันกันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมีทั้ง การผลิตที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ ได้มาตรฐาน ถูกสุขลักษณะและการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน เพื่อจำหน่ายในราคาถูก ปรากฏว่ามีผู้ได้รับอันตรายจากเครื่องสำอางเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ
สารอันตรายในเครื่องสำอาง
อันตรายที่พบเสมอจากการใช้เครื่องสำอางสามารถแยกออกได้เป็น 3 สาเหตุคือสาเหตุที่ 1จากสารเคมีในเครื่องสำอางซึ่งการผลิตไม่ได้มาตรฐานทำให้เกิดวัตถุมีพิษเจือปน หรือผู้ผลิต เจตนาใส่สารเคมีที่มีอันตรายโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เช่นใส่เฮกซาคลอโรฟินในแป้งโรยตัวเด็กหรือใส่สารประกอบปรอท จำนวนมากเกินมาตรฐานสาเหตุที่ 2จากจุลินทรีย์ในเครื่องสำอางซึ่งเกิดจากการผลิตไม่ได้สุขลักษณะ หรือจากวัตถุดิบที่ไม่สะอาด เพียงพอ อื้อ ฮือ !หน้าเละเชียว!!สาเหตุที่ 3การแพ้สารประกอบในเครื่องสำอาง กรณีนี้เกิดเฉพาะผู้บริโภคบางรายเท่านั้น ไม่ได้เกิดกับทุกราย ที่ใช้เครื่องสำอาง
สารเคมีบางชนิดในเครื่องสำอางบางประเภทที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ซึ่งผู้บริโภคพึงระมัดระวังคือ1. สาร พี วี พี ซึ่งเป็นสารทำละลายที่มีอยู่ในน้ำยาสเปรย์ อาจทำให้เกิดการแพ้หรืออักเสบบริเวณหน้าผาก ข้างหู คอ และยังทำให้ผมแข็ง กรอบ เมธิลอัลกอฮอล์ ในน้ำยาสเปรย์ที่ไม่ถูกมาตรฐาน สารนี้เป็นวัตถุมีพิษ ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้อย่างรวดเร็ว อาจเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งการสูดดมและการซึมเข้าทางผิวหนัง2. สี พาราฟินิลินไดอามินในน้ำยาย้อมผม ผู้ที่แพ้สารนี้จะมีอาการรุนแรงมาก หนังศีรษะจะพองบวม มี น้ำเหลืองไหลทำให้นัยน์ตาอักเสบ บวม แดง น้ำตาไหล3. เกลือโลหะในน้ำยาย้อมผม อาจทำให้ผู้ใช้บางรายแพ้โลหะเหล่านี้ได้4. สี อี โอ ชินในลิปสติค ถ้าผู้ใดแพ้ เมื่อโดนแดด ริมฝีปากจะเป็นสีดำคล้ำ5. เรซิน หรือน้ำมันยางไม้ในครีมทาขนตาและครีมทาเปลือกตาอาจทำให้เกิดการแพ้ เข้าตาจะทำให้ ตาอักเสบ พร่ามัว บวมแดง หรือผื่นคันที่หนังตา6. ปรอทแอมโมเนียในครีมลอกฝ้าสารเคมีทั้งสองชนิดนี้ถ้าใช้มากเกินขอบเขตที่กำหนดจะทำให้เกิด อันตรายได้ อาจแพ้ขึ้นผื่นคัน และที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ สารปรอทสามารถดูดซึมเข้าทางผิวหนัง ทำให้เกิดอันตรายต่อ ระบบภายในร่างกายได้ ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุข ควบคุมส่วนผสมของเครื่องสำอางโดยกำหนดให้ใส่สารปรอท แอมโมเนียได้ไม่เกินร้อยละ 37. ไฮโดรควิโนนในครีมลอกฝ้า หากใช้ไปนาน ๆ ผิวจะกลับขาวมากกว่าผิวปกติจนกลายเป็นด่างขาว แทนที่จะสวยกลับจะทำให้น่าเกลียด สารนี้ห้ามใช้เกินร้อยละ 28. เฮกซ่าคลอโรฟินในแป้งและสบู่ สารนี้เป็นอันตรายต่อเด็กอ่อน ทำให้เกิดแผลที่ผิวหนัง จึงห้ามใช้ในแป้ง และสบู่ที่ใช้กับเด็กอ่อน การเลือกซื้อของสำหรับเด็กอ่อน จึงควรระมัดระวังเรื่องนี้ด้วย
นอกจากสารดังกล่าวนี้ ยังมีสารเคมีอีกหลายชนิดที่อาจเกิดอันตรายหากใช้ปริมาณมากเกินกำหนด หรือใช้ไม่ถูกต้อง ซึ่ง กระทรวงสาธารณสุข ได้ประกาศกำหนดปริมาณสูงสุดที่ให้ใช้ได้ในเครื่องสำอาง และจัดให้เครื่องสำอางที่ใช้สารต่าง ๆ นั้น เป็นเครื่องสำอางที่ควบคุม ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าจะต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขก่อน จึงจะผลิตหรือ นำเข้าได้
การระมัดระวังอันตรายจากเครื่องสำอาง
การระมัดระวังอันตรายจากเครื่องสำอางสามารถทำได้โดยเลือกซื้อเครื่องสำอางจากผู้ผลิตจำหน่ายที่เชื่อถือได้ มีการระบุ ชื่อ ที่อยู่ของผู้ผลิตอย่างชัดเจน และหากมีสารเคมีที่มีฤทธิ์แรงผสมอยู่ ก็จะต้องมีเลขทะเบียนเครื่องสำอางอยู่ด้วย ควรดู ฉลากให้ถี่ถ้วนเสมอ ไม่ควรซื้อเครื่องสำอางที่เร่ขายในราคาถูก เพราะอาจได้รับเครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐาน
เมื่อจะเริ่มใช้เครื่องสำอางชนิดใหม่
ให้ทดสอบเครื่องสำอางกับตัวก่อนว่าจะเกิดอาการแพ้หรือไม้ โดยแตะเครื่องสำอางหรือทาบาง ๆ ตรงบริเวณใกล้ ๆ กับที่ จะใช้ ทิ้งไว้ 48 ชั่วโมง ถ้ามีอาการแพ้ เช่น บวมแดงหรือผื่นคัน ก็ไม่ควรใช้เครื่องสำอางนั้น ในกรณีที่ใช้เครื่องสำอาง ไปแล้วต่อมาเกิดอาการแพ้ขึ้นภายหลัง ก็ให้หยุดใช้เครื่องสำอางทุกชนิดทันที และหากมีอาการแพ้มากควรปรึกษาแพทย์ เพราะถ้าปล่อยไว้อาจมีอาการอักเสบเพิ่มขึ้น ยากแก่การรักษา
การใช้เครื่องสำอาง อาจช่วยให้ความสวยงามเพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องเสี่ยงกับพิษภัยและการแพ้ ทั้งยังสิ้นเปลืองเงินทองด้วย หากรักษาสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรง จิตใจผ่องใส รักษาความสะอาดของร่างกาย แต่งกายให้สุภาพ เหมาะสมกับกาละ เทศะก็จะทำให้สวยได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องสำอาง อย่าลืมว่า “งามใน ดีกว่างามนอก ที่พอกด้วยเครื่องสำอาง”